1. อาเซีนเริ่มก่อตั้งครั่งแรกกี่ประเทศประเทศอะไรบ่าง
ที่มาhttp://www.uasean.com
http://thai-asean.exteen.com
http://www.uasean.com
ประเทศที่ร่วมก่อตั้งอาเซียน ได้แก่
อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย โดยได้ถูกก่อตั้งขึ้น ในวันที่ 8 สิงหาคม
อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย โดยได้ถูกก่อตั้งขึ้น ในวันที่ 8 สิงหาคม
พ.ศ. 2510 โดย รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้ง 5 ประเทศประชุมกันที่อาคารกระทรวงการ
ต่างประเทศของไทยในกรุงเทพมหานคร และลงนามปฏิญญาอาเซียน หรือ ปฏิญญากรุงเทพ
อาเซียนก่อตั้งขึ้นโดยการลงนามในปฏิญญาสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต
อาเซียนก่อตั้งขึ้นโดยการลงนามในปฏิญญาสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต
ผู้แทนประเทศสมาชิกที่ร่วมนามก่อตั้งอาเซียนมี 5 ประเทศ ได้แก่
1. พันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันต์ : รัฐมนตรีต่างประเทศไทย
1. พันเอก (พิเศษ) ถนัด คอมันต์ : รัฐมนตรีต่างประเทศไทย
2. นายอาดัม มาลิก : รัฐมนตรีต่างประทศอินโดนีเซีย
3. ตุน อับดุล ราชัก บิน ฮุสเซน : รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีกระทรวง
พัฒนาแห่งชาติมาเลเซีย
4. นายเอส ราชารัตนัม : รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์
5. นายนาซิโซ รามอส : รัฐมนตรีต่างประเทศฟิลิปปินส์
จุดประสงค์ของการก่อตั้งเพื่อร่วมกัน พัฒนาความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ สังคม และ
วัฒนธรรม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปด้วยกันเป็นการร่วมมืออย่างสร้างสรรค์
2.ธงประจำชาติอาเซียน
https://suwannasabeloved.wordpress.com
http://hilight.kapook.com
http://www.kan1.go.th
ธงสาธารณรัฐอินโดนีเซีย
พระจันทร์เสี้ยว หมายถึง ศาสนาอิสลามอันเป็นศาสนาประจำชาติดาว ๑๔ แฉก หรือ ดาราสหพันธ์ หมายถึง ความเป็นเอกภาพในหมู่รัฐทั้งหมดสีเหลือง คือ สีแห่ง ยังดี เปอร์ตวน อากง ผู้เป็นประมุขแห่งสหพันธรัฐสีน้ำเงิน หมายถึง ความสามัคคีของชาวมาเลเซียแถบริ้วสีแดงและสีขาวทั้ง ๑๔ ริ้ว ที่กว้างเท่ากัน หมายถึง สถานอันเสมอภาคของรัฐสมาชิกทั้ง ๑๓ รัฐ และรัฐบาลกลางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
ธงประเทศมาเลเซีย
พระจันทร์เสี้ยว หมายถึง ศาสนาอิสลามอันเป็นศาสนาประจำชาติดาว ๑๔ แฉก หรือ ดาราสหพันธ์ หมายถึง ความเป็นเอกภาพในหมู่รัฐทั้งหมดสีเหลือง คือ สีแห่ง ยังดี เปอร์ตวน อากง ผู้เป็นประมุขแห่งสหพันธรัฐสีน้ำเงิน หมายถึง ความสามัคคีของชาวมาเลเซียแถบริ้วสีแดงและสีขาวทั้ง ๑๔ ริ้ว ที่กว้างเท่ากัน หมายถึง สถานอันเสมอภาคของรัฐสมาชิกทั้ง ๑และรัฐบาลกลางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
ธงสาธารณรัฐฟิลิปปินส์
สามเหลี่ยมสีขาว หมายถึง ความเสมอภาคและภราดรภาพ
พื้นสีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพ สัจจะ และความยุติธรรม
ดวงอาทิตย์รัศมีแปดแฉก หมายถึง แปดจังหวัดแรกของประเทศ อันได้แก่ จังหวัดบาตังกัส,บูลาคัน,กาวีเต,ลากูนา,มะนิลา,นูเอวา เอคิยา,ปัมปังกา และตาร์ลัก
ดาวสามดวง หมายถึง การแบ่งพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของประเทศออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ เกาะลูซอน เกาะมินดาเนา และหมู่เกาะวีซายัส
พื้นสีน้ำเงิน หมายถึง สันติภาพ สัจจะ และความยุติธรรม
ดวงอาทิตย์รัศมีแปดแฉก หมายถึง แปดจังหวัดแรกของประเทศ อันได้แก่ จังหวัดบาตังกัส,บูลาคัน,กาวีเต,ลากูนา,มะนิลา,นูเอวา เอคิยา,ปัมปังกา และตาร์ลัก
ดาวสามดวง หมายถึง การแบ่งพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ของประเทศออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ เกาะลูซอน เกาะมินดาเนา และหมู่เกาะวีซายัส
ธงสาธารณรัฐสิงคโปร์
พระจันทร์เสี้ยว คือ ความเจริญก้าวหน้าของประเทศ
แถบสีแดง หมายถึง ความเท่าเทียมกัน
ดาว ๕ ดวง คือ สัญลักษณ์ของประชาธิปไตย สันติภาพ ความเจริญก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเท่าเทียม แถบสีขาว หมายถึง คุณธรรม ความดีงาม
แถบสีแดง หมายถึง ความเท่าเทียมกัน
ดาว ๕ ดวง คือ สัญลักษณ์ของประชาธิปไตย สันติภาพ ความเจริญก้าวหน้า ความยุติธรรม และความเท่าเทียม แถบสีขาว หมายถึง คุณธรรม ความดีงาม
ธงราชอาณาจักรไทย
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ธงไตรรงค์ มีลักษณะเป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้สีหลักในธง ๓ สี คือ แดง ขาว และน้ำเงิน ภายในแบ่งเป็นแถบ ๕ แถบ แถบตรงกลางสีน้ำเงิน ขนาบทั้งด้านบนและล่างด้วยสีขาวและสีแดงตามลำดับ แถบสีน้ำเงินมีขนาดใหญ่กว่าแถบสีอื่นเป็น ๒ เท่า
สีแดง หมายถึง ชาติ และความสามัคคีของคนในชาติ
สีขาว หมายถึง ศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องอบรมสั่งสอนให้มนุษย์มีจิตใจที่บริสุทธิ์
สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขของประเทศ
สีแดง หมายถึง ชาติ และความสามัคคีของคนในชาติ
สีขาว หมายถึง ศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องอบรมสั่งสอนให้มนุษย์มีจิตใจที่บริสุทธิ์
สีน้ำเงิน หมายถึง พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขของประเทศ
ธงบรูไนดารุสซาลาม
เป็นธงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีเหลือง มีแถบสีขาวและดำพาดทแยงมุม โดยสีขาวอยู่ด้านบน สีดำอยู่ด้านล่าง ตรงกึ่งกลางผืนธงมีภาพตราแผ่นดินของบรูไน แต่เดิมประเทศบรูไนใช้ธงสีเหลืองล้วนๆเป็นสัญลักษณ์ ต่อมาได้คาดแถบสีขาว-ดำ และปรับเปลี่ยนแบบธงอีกครั้งโดยเพิ่มรูปตราแผ่นดินดังเช่นในปัจจุบัน บรูไนเริ่มมีธงชาติใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๐สีเหลือง หมายถึง พระมหากษัตริย์สีขาวและดำ หมายถึง มุขมนตรี (เทียบเท่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรี)
ธงสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
เวียดนามเป็นรูปดาวสีเหลืองอยู่กลางผืนธงสีแดง
ดาวสีเหลือง แต่เดิมแฉกทั้งห้าของดวงดาวหมายถึง ชนชั้นต่างๆในสังคมเวียดนาม คือ นักปราชญ์ ชาวนา ช่างฝีมือ พ่อค้า และทหาร แต่ปัจจุบันหมายถึง พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสีแดงพื้นธง เดิมหมายถึงการต่อสู้เพื่อกู้เอกราชของชาวเวียดนาม แต่ภายหลังการรวมชาติในปี พ.ศ.๒๕๑๙ ถูกตีความใหม่ ให้หมายถึงการปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมมาชีพและความสำเร็จรุ่งเรืองดาวสีเหลือง หมายถึง พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามสีแดงของพื้นธง หมายถึง การปฏิวัติโดยชนชั้นกรรมมาชีพ และความสำเร็จรุ่งเรือง
ธงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)
ธงชาติลาวมีชื่อเรียกว่า ธงดวงเดือน เป็นธงสามแถบตามแนวนอน ประกอบด้วยสีแดง -สีน้ำเงิน-สีแดง โดยแถบสีแดงทั้งสองแถบมีขนาดเท่ากัน ส่วนแถบสีน้ำเงินมีขนาดเท่ากับแถบสีแดงสองแถบรวมกัน ภายในมีวงกลมสีขาวอยู่กึ่งกลางสีน้ำเงิน หมายถึง ความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ของชาติสีแดง หมายถึง เลือดแห่งการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของชาวลาววงกลมสีขาว หมายถึง พระจันทร์เต็มดวงที่เปล่งประกายอยู่เหนือลำน้ำโขงแสดงถึงเอกภาพของชาติภายใต้การปกครองของรัฐบาลพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และอนาคตอันสดใสของประเทศ
ธงสหภาพพม่า
ประกอบด้วยแถบสี ๓ แถบ ขนาดเท่ากัน สีเหลืองอยู่บนสุด ตรงกลางคือสีเขียว ข้างล่างสุดคือแถบสีแดง กลางผืนเป็นรูปดาวสีขาวดวงใหญ่ แต่ละส่วนของธงมีความหมายดังต่อไปนี้สีเหลือง หมายถึง ความสามัคคีสีเขียว หมายถึง สันติภาพ ความสงบ และความเขียวชอุ่มของดินแดนพม่าสีแดง หมายถึง ความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ดาวห้าแฉก หมายถึง สหภาพอันมั่นคง
ธงราชอาณาจักรกัมพูชา
แบ่งออกเป็น ๓ แถบ แถบสีน้ำเงิน ๒ แถบ และแถบกลางสีแดงซึ่งกว้างกว่าแถบน้ำเงินสองเท่า มีรูปปราสาทนครวัดสามยอดสีขาววางอยู่กลางผืนธงสีแดง หมายถึง ชาติ ปราสาทหินนครวัดสีขาว หมายถึง สันติภาพและศาสนาสีน้ำเงิน หมายถึง สถาบันพระมหากษัตริย์
3.ชุดประจำชาติอาเซียน
http://guru.sanook.com
https://kullanit.wordpress.com
http://hilight.kapook.com
1. ชุดประจำชาติของประเทศมาเลเซีย
สำหรับชุดของผู้ชาย เรียกว่า บาจู มลายู (Beju Melayu) ประกอบด้วยเสื้อแขนยาวและกางเกงขายาวที่ทำจากผ้าไหม ผ้าฝ้ายหรือโพลีเอสเตอร์ที่มีส่วนผสมของผ้าฝ้าย สำหรับชุดของผู้หญิง เรียนกว่า บาจูกุรุง (Baja Kurung) ประกอบด้วยเสื้อคลุมแขนยาวและกระโปรงยาว
2. ชุดประจำชาติของประเทศเวียดนาม
อ่าวหญ่าย เป็นชุดประจำชาติของประเทศเวียดนามที่ประกอบไปด้วยชุดผ้าไหมที่พอดีตัวสวมทับกางเกงขาวยาวซึ่งเป็นชุดที่มักสวมใส่ในงานแต่งงานและพิธีการสำคัญของประเทศมีลักษณะคล้ายชุดกี่เพ้าของจีน ในปัจจุบันเป็นชุดที่ได้รับความนิยมจากผู้หญิงเวียดนาม ส่วนผู้ชายเวียดนามจะสวมใส่ชุดอ่าหญ่ายในพิธีแต่งานหรือพิธีศพ
3. ชุดประชาติของประเทศพม่า
ลองยี เป็นชุดแต่งกายประจำชาติของประเทศพม่า โดยมีการออกแบบในรูปทรงกระบอก มีความยาวจากเอวจรดปลายเท้า การสวมใส่ใช้วิธีการขมวดผ้าเข้าด้วยกันโดยไม่มัดหรือพับขึ้นมาถึงหัวเข่าเพื่อความสะดวกในการสวมใส่
4. ชุดประจำชาติของประเทศบรูไน

สำหรับชุดของผู้ชาย เรียกว่า บาจู มลายู (Baju Melayu) ส่วนของชุดผู้หญิงเรียกว่า บาจูกุรัง (Baja Kurung) คล้ายกับชุดประจำชาติของประเทศมาเลเซีย ผู้หญิงบรูไนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่มีสีสันสดใสโดยมากมักจะเป็นเสื้อผ้าที่คลุมร่างกายตั้งแต่ศรีษะจรดเท้า ส่วนผู้ชายจะแต่งกายด้วยเสื้อแขนยาว ตัวเสื้อยาวถึงหัวเข่า นุ่งกางเกงขายาวแล้วนุ่งโสร่ง
5. ชุดประจำชาติของประเทศลาว
ผู้หญิงลาวจะนุ่งผ้าซิ่น และเสื้อแขนยาวทรงกระบอก สำหรับผู้ชายมักแต่งกายแบบสากลหรือนุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อชั้นนอกกระดุกเจ็ดเม็ดคล้ายเสื้อพระราชทานของไทย
6. ชุดประจำชาติของประเทศอินโดนีเซีย
เคบาย่า (Kebaya) เป็นชุดประจำชาติของประเทศอินโดนีเซียสำหรับผู้หญิง มีลักษณะเป็นเสื้อแขนยาวผ่าหน้า กลัดกระดุม ตัวเสื้อจะมีสีสันสดใส ปักฉลุเป็นลายลูกไม้ ส่วนผ้าถุงที่ใช้จะเป็นผ้าถุงแบบบาติกสำหรับการแต่งกายของผู้ชายมักจะสวมใส่เสื้อแบบบาติกและนุ่งกางเกงขายาวและนุ่งโสร่งเมื่ออยู่บ้านหรือประกอบพิธีละหมาดที่มัสยิด
7. ชุดประจำชาติของประเทศฟิลิปปินส์
ผู้ชายจะนุ่งกางเกงขายาวและสวมเสื้อที่เรียกว่า บารองตากาล็อก ซึ่งตัดเย็บด้วยผ้าใยสัปปะรด มีบ่า คอตั้ง แขนยาว ที่ปลายแขนเสื้อที่ข้อมือจะปักลวดลาย ส่วนผู้หญิงนุ่งกระโปรงยาว ใส่เสื้อแขนสั้นจับจีบยกตั้งขึ้นเหนือไหล่คล้ายปีกผีเสื้อ เรียกว่า บาลินตาวัก
8. ชุดประจำชาติของประเทศไทย
สำหรับชุดผู้หญิงคือ ชุดไทยจักรี เป็นชุดไทยที่ประกอบด้วยสไบเฉียง ใช้ผ้ายกมีเชิงหรือยกทั้งตัวซิ่นมีจีบยกข้างหน้า มีชายพกใช้เข็มขัดไทยคาด ส่วนท่อนบนเป็นสไบ จะเย็บให้ติดกับซิ่นเป็นท่อนเดียวกันหรือ จะมีผ้าสไบห่มต่างหาก็ได้ เปิดบ่าข้างหนึ่ง ชายสไบคลุมไหล่ ทิ้งชายด้านหลังยาวตามที่เห็นสมควรความสวยงามอยู่ที่เนื้อผ้าการเย็บและรูปทรงของผู้ที่สวยใช้เครื่องประดับได้งดงามสมโอกาสในเวลาค่ำคืน สำหรับชุดผู้ชายคือ ใส่เสื้อพระราชทาน
9. ชุดประจำชาติของประเทศกัมพูชา
ซัมปอต (Sampot) เป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติของประเทศกัมพูชา สำหรับชุดผู้หญิง ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับผ้านุ่งของประเทศลาวและไทย มีหลายหลายรูปแบบ สำหรับผู้ชายนั้นมักสวมใส่เสื้อที่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าฝ้ายทั้งแขนสั้นและแขนยาว พร้อมทั้งสวมกางเกงขายาว
10. ชุดประจำชาติประเทศสิงคโปร์
สิงคโปรไม่มีชุดประจำชาติเป็นของตนเอง เนื่องจากประเทศสิงคโปร์แบ่งออกเป็น 4 เชื้อชาติหลัก ได้แก่ จีน มาเลย์ อินเดีย และชาวยุโรป ซึ่งแต่ละเชื้อชาติก็มีชุดประจำชาติเป็นของตนเอง เช่น ผู้หญิงมลายูในสิงคโปร์ จะใส่ชุดเกบาย่า (Kebaya) ตัวเสื้อจะมีสีสันสดใส ปักฉลุเป็นลายลูกไม้ หากเป็นชาวจีน ก็จะสวมเสื้อแขนขาว คอจีน เสื้อผ้าซ่อนกระดุม สวมกางเกงขายาว โดยเสื้อจะใช้ผ้าสีเรียบหรือผ้าแพรจีนก็ได้
4.อาหารปะจำชาติ
http://hilight.kapook.com
http://www.pakping.com
https://aseanjakkapop.wordpress.com

ต้มยำกุ้ง - ประเทศไทย
1.ประเทศไทย
ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong) แค่เอ่ยชื่อก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ต้มยำกุ้งเป็นอาหารคาวที่เหมาะสำหรับรับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ กลิ่นหอมของสมุนไพรที่เป็นส่วนประกอบในต้มยำกุ้ง นอกจากจะทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการเจริญอาหารได้เป็นอย่างดี
และเนื่องจากต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่มีรสเปรี้ยว และเผ็ดเป็นหลัก ทำให้รับประทานแล้วไม่เลี่ยน จึงทำให้ต้มยำกุ้งเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมในทั่วทุกภาคของประเทศไทย รวมถึงชาวต่างชาติเองก็ติดอกติดใจในความอร่อยของต้มยำกุ้งเช่นเดียวกัน
อาม็อก - ประเทศกัมพูชา
2.ประเทศกัมพูชา
อาม็อก (Amok) เป็นอาหารคาวยอดนิยมของกัมพูชา มีลักษณะคล้ายห่อหมกของไทย โดยเป็นการนำเนื้อปลาสด ๆ ลวกพริกเครื่องแกง และกะทิ แล้วทำให้สุกโดยการนำไปนึ่ง ซึ่งนอกจากจะใช้เนื้อปลาแล้ว อาจเลือกใช้เนื้อไก่แทนก็ได้ ส่วนสาเหตุที่คนในประเทศกัมพูชานิยมรับประทานปลา เนื่องจากสภาพภูมิประเทศของกัมพูชามีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ ทำให้ปลาเป็นอาหารที่หารับประทานได้ง่ายนั่นเอง

อัมบูยัต - ประเทศบรูไน
3.ประเทศบรูไน
อัมบูยัต (Ambuyat) เป็นอาหารยอดนิยมของบรูไน มีลักษณะเด่นอยู่ที่ตัวแป้งจะเหนียวข้นคล้ายข้าวต้ม หรือโจ๊ก โดยมีแป้งสาคูเป็นส่วนผสมหลัก ตัวแป้งอัมบูยัตเอง ไม่มีรสชาติ แต่ความอร่อยจะอยู่ที่การจิ้มกับซอสผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงอีก 2-3 ชนิด เช่น ผักสด เนื้อห่อใบตองย่าง หรือเนื้อทอด ทั้งนี้ การรับประทานอัมบูยัตให้ได้รสชาติ ต้องรับประทานตอนร้อน ๆ จึงจะดีที่สุด

หล่าเพ็ด - ประเทศพม่า
4.ประเทศพม่า
หล่าเพ็ด (Lahpet) เป็นอาหารยอดนิยมของพม่า โดยการนำใบชาหมักมาทานกับเครื่องเคียง เช่น กระเทียมเจียว ถั่วชนิดต่าง ๆ งาคั่ว กุ้งแห้ง ขิง มะพร้าวคั่ว เรียกได้ว่า มีลักษณะคล้ายคลึงกับเมี่ยงคำของประเทศไทย ซึ่งหล่าเพ็ดนี้ จะเป็นเมนูอาหารที่ขาดไม่ได้ในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ ๆ ของประเทศพม่า โดยกล่าวกันว่า หากงานเลี้ยง หรืองานเฉลิมฉลองใด ไม่มีหล่าเพ็ด จะถือว่าการนั้นเป็นงานที่ขาดความสมบูรณ์ไปเลยทีเดียว

อโดโบ้ - ประเทศฟิลิปปินส์
5.ประเทศฟิลิปปินส์
อโดโบ้ (Adobo) เป็นอาหารยอดนิยมของประเทศฟิลิปปินส์ ทำจากเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ ที่ผ่านการหมัก และปรุงรส โดยจะใส่น้ำส้มสายชู ซีอิ๊วขาว กระเทียมสับ ใบกระวาน พริกไทยดำ นำไปทำให้สุกโดยอบในเตาอบ หรือทอด แล้วนำมารับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
ในอดีตอาหารจานนี้เป็นที่นิยมในหมู่นักเดินทาง เนื่องจากส่วนผสมของอโดโบ้สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน เหมาะสำหรับพกไว้เป็นเสบียงอาหารระหว่างการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันอโดโบ้ได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่นำมารับประทานกันได้ทุกที่ทุกเวลา

ลักซา - ประเทศสิงคโปร์
6.ประเทศสิงคโปร์
ลักซา (Laksa) อาหารขึ้นชื่อของประเทศสิงคโปร์ ลักซามีลักษณะคล้ายก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่กะทิ ทำให้รสชาติเข้มข้น คล้ายคลึงกับข้าวซอยของไทย โดยลักซาจะมีส่วนผสมของ กุ้งแห้ง พริก กุ้งต้ม และหอยแครง เหมาะสำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารทะเลเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ลักซามีทั้งแบบที่ใส่กะทิ และไม่ใส่กะทิ ทว่า แบบที่ใส่กะทิจะเป็นที่นิยมมากกว่า

กาโด กาโด - ประเทศอินโดนิเซีย
7.ประเทศอินโดนีเซีย
กาโด กาโด (Gado Gado) อาหารยอดนิยมของประเทศอินโดนีเซีย ประกอบไปด้วยผัก และธัญพืชหลากหลายชนิด ทั้งแครอท มันฝรั่ง กะหล่ำปลี ถั่วงอก ถั่วเขียว นอกจากนี้ยังมีเต้าหู้ และไข่ต้มสุกด้วย กาโด กาโดจะนำมารับประทานกับซอสถั่วที่คล้ายกับซอสสะเต๊ะ อย่างไรก็ตาม ด้วยเครื่องสมุนไพรในซอส อาทิ รากผักชี หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ทำให้เมื่อรับประทานแล้วจะไม่รู้สึกเลี่ยนกะทิมากจนเกินไปนั่นเอง

สลัดหลวงพระบาง - ประเทศลาว
8. ประเทศลาว
สลัดหลวงพระบาง (Luang Prabang Salad) เป็นอาหารขึ้นชื่ออีกชนิดหนึ่ง เนื่องจากมีรสชาติกลาง ๆ ทำให้รับประทานได้ทั้งชาวตะวันออก และตะวันตก โดยส่วนประกอบสำคัญคือ ผักน้ำ ซึ่งเป็นผักป่าที่ขึ้นตามริมธารน้ำไหล และยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ เช่น มันแกว แตงกวา มะเขือเทศ ไข่ต้ม ผักกาดหอม และหมูสับลวกสุก ส่วนวิธีปรุงรสคือ ราดด้วยน้ำสลัดชนิดใส คลุกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วโรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว และถั่วลิสงคั่ว

นาซิ เลอมัก - ประเทศมาเลเซีย
9.ประเทศมาเลเซีย
นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak) อาหารยอดนิยมของประเทศมาเลเซีย โดยนาซิ เลอมัก จะเป็นข้าวหุงกับกะทิ และใบเตย ทานพร้อมเครื่องเคียง 4 อย่าง ได้แก่ ปลากะตักทอดกรอบ แตงกวาหั่น ไข่ต้มสุก และถั่วอบ ซึ่งนาซิ เลอมักแบบดั้งเดิมจะห่อด้วยใบตอง และมักทานเป็นอาหารเช้า แต่ในปัจจุบัน กลายเป็นอาหารยอดนิยมที่ทานได้ทุกมื้อ และแพร่หลายในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายแห่ง เช่น สิงคโปร์ และภาคใต้ของไทยด้วย

ปอเปี้ยะเวียดนาม - ประเทศเวียดนาม
10.ประเทศเวียดนาม
เปาะเปี๊ยะเวียดนาม (Vietnamese Spring Rolls) ถือเป็นหนึ่งในอาหารพื้นเมืองที่โด่งดังที่สุดของประเทศเวียดนาม ความอร่อยของเปาะเปี๊ยะเวียดนาม อยู่ที่การนำแผ่นแป้งซึ่งทำจากข้าวจ้าวมาห่อไส้ ซึ่งอาจจะเป็นไก่ หมู กุ้ง หรือหมูยอ โดยนำมารวมกับผักสมุนไพรอีกหลายชนิด เช่น สะระแหน่ ผักกาดหอม และนำมารับประทานคู่กับน้ำจิ้มหวาน โดยจะมีถั่วคั่ว แครอทซอย ไชเท้าซอย ให้เติมตามใจชอบ และบางครั้งอาจมีเครื่องเคียงอย่างอื่นเพิ่มด้วย
5.ดอกไม้ประจำชาติ
http://aec.kapook.com
http://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net
http://guru.sanook.com/
1. ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand) ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกราชพฤกษ์ พวงสีเหลืองห้อยระย้า ที่คุ้นเคยกันดี โดยเฉพาะหน้าร้อน เราจะเห็นต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสะพรั่งให้พรึ่บพรั่บตามท้องถนน

2. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกจำปาลาว มีกลิ่หอมอ่อนๆ

3. สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ดอกไม้ประจำชาติ คือ ประดู่ สีเหลืองทอง ที่หอมกรุ่นอย่างมากโดยเฉพาะในฤดูฝน

4. ราชอาณาจักรกัมพูชา ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกลำดวน ขาวปนเหลืองนวล หอมเย็นกรุ่นๆ

5. มาเลเซีย ดอกไม้ประจำชาติ คือ พู่ระหง หรือภาษาถิ่นเขาเรียกว่า บุหงารายอ แต่คนไทยรู้จักกันดี ในชื่อของดอกชบาสีแดง

6. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ดอกไม้ประจำชาติ ก็คือ ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) ซึ่งว่ากันว่า เป็นดอกกล้วยไม้ที่บานอยู่ได้นานที่สุด

7. บรูไน ดารุสซาลาม ประเทศเศรษฐีบ่อน้ำมัน ก็มีดอกไม้ประจำถิ่น สีเหลือง ที่ถ้าหากบานแล้วจะมีลักษณะคล้ายร่ม อย่าง ซิมปอร์ หรือ ดอกส้านชะวา (Dillenia) เป็นดอกไม้ประจำชาติ

8. สิงคโปร์ ประเทศที่เล็กที่สุดในภูมิภาคนี้ ดอกไม้ประจำชาติ คือ ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim) เป็นสัญลักษณ์แทน

9. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เป็น ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine) ที่มีกลีบดอกสีขาวเป็นรูปดาว ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนในตอนกลางคืน

10. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ดอกไม้ประจำชาติ ก็คือ ดอกบัว ซึ่งคนไทยคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ ซึ่งมักถูกถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของชาวเวียดนามอยู่บ่อยครั้ง

6.รถประจำชาติอาเซียน
http://www.mthai.comhttp://www.uasean.com
http://www.dek-d.com
- 1.) บรูไน
- 2.) อินโดนิเซีย
- 3.) มาเลเซีย
- 4.) ฟิลิปปินส์
- 5.) ไทย
- 6. ) เวียดนาม
- 7. ) สิงคโปร์
- 8. ) ลาว
- 9.) กัมพูชา
- 10.) พม่า หรือ เมียนมา
“เรือโดยสาร” (Water Taxi) พาหนะหลักสำหรับการเดินทางในหลายๆเมืองริมฝั่งแม่น้ำ ในประเทศบรูไน เรือโดยสารได้รับความนิยมทั้งจากนักท่องเที่ยว และชาวเมืองที่ใช้โดยสารในชีวิตประจำวัน
“Becak” สามล้อถีบอินโดนิเซีย รถโดยสารสาธารณะที่จะมอบความสนุกสนาน เพลิดเพลินให้กับผู้โดยสารขณะนั่งรถไปยังจุดหมายปลายทาง อีกทั้งยังเป็นพาหนะที่ชาวเมืองนิยมใช้ในการเดินทางในชีวิตประจำวันด้วย
“สามล้อโบราณ” ยานพาหนะประจำชาติที่สวยงาม โดดเด่นด้วยดอกไม้ประดับหลากสีสัน พบเห็นได้ทั่วไปในแถบชานเมืองของมาเลเซีย แต่เมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว ได้แก่ ปีนัง มะละกา กลันตัน และตรังกานู
“สามล้อเครื่อง” (Tatlong-Wiler) รถโดยสารสาธารณะที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศฟิลิปปินส์ ให้บริการในเส้นทางระยะสั้นที่รถบัส และรถสองแถว (Jeepneys) ไม่ให้บริการ สามล้อเครื่อง เป็นหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการเดินทางท่องเที่ยวรอบเมือง เพราะราคาถูก
“ตุ๊ก ตุ๊ก” ยานพาหนะที่ได้รับการจัดอยู่ในอันดับที่ 5 รถแท๊กซี่ที่ดีที่สุดในโลก (the World Best Taxi 2010) จากเว็บไซด์ hotel.com รวมทั้งยังเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย พบเห็นมากในกรุงเทพมหานคร และในบางจังหวัด นักท่องเที่ยวจะสนุกสนาน ตื่นเต้นไปกับการโดยสารยานพาหนะขนาดเล็กที่สามารถซอกแซกผ่านการจราจรที่ติดขัดในเมืองหลวง พานักท่องเที่ยวไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว (ขึ้นอยู่กับความสามารถในการขับขี่ของคนขับ :P)
“ซิโคล่” (Cycol หรือ Xa ba Ban) สามล้อถีบคันเล็กที่จะพานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมความสวยงามของเมืองฮานอยได้เกือบทุกซอกทุกมุม ที่นั่งผู้โดยสารซึ่งอยู่ด้านหน้าของคนขับ นักท่องเที่ยวจึงได้ชมทิวทัศน์อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้ ด้วยราคาค่าโดยสารที่ถูกและมีความปลอดภัยในการเดินทาง สามล้อถีบ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นักท่องเที่ยวควรได้มาลองให้ได้สักครั้งหนึ่ง
“สามล้อถีบสิงคโปร์” พาหนะโบราณที่อยู่คู่ประเทศสิงคโปร์มาตั้งแต่ปี 2457 นักท่องเที่ยวจะพบเห็น “สามล้อถีบ” ได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวย่านชุมชนต่างๆ เช่น ย่านชุมชนคนจีน (ไชน่า ทาวน์) ย่านลิตเติ้ล อินเดีย และเกาเซนโตซ่า เป็นต้น
“สามล้อลาว” ยานพาหนะยอดนิยมที่พบเห็นได้ตามท้องถนนในแถบชานเมือง “สามล้อ” มีความโดดเด่นด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่เกินไป ทำให้พานักท่องเที่ยวเดินทางไปตามซอกซอยต่างๆได้อย่างสบาย โดยสามล้อของลาวมีลักษณะคล้ายกับรถตุ๊ก ตุ๊กของไทย
“ซิโคล่ (Cyclo) หรือสามล้อถีบ” ครั้งหนึ่งเคยเป็นยานพาหนะคู่เมืองพนมเปญในช่วงที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศฝรั่งเศส แต่ในปัจจุบันกลับเป็นพาหนะที่พบเห็นได้ยาก เพราะถูกแทนที่ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ และรถยนต์ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซิโคล่ของประเทศกัมพูชานั้นมีลักษณะคล้ายกับสามล้อถีบของประเทศเวียดนาม คือที่นั่งผู้โดยสารจะอยู่ด้านหน้าของคนขับ
“สามล้อถีบ” พาหนะที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมสถานที่ในเขตเมืองต่างๆ ในประเทศพม่า รวมทั้งเป็นวิธีการเดินทางที่ง่ายและสะดวกที่สุดด้วย สามล้อถีบ มีให้บริการในเกือบทุกเมือง เช่น ย่างกุ้ง มันดาเลย์ และเมืองใหญ่ๆอีกหลายเมือง สามล้อถีบของพม่ามีลักษณะที่แตกไปต่างไปจากสามล้อถีบในเวียดนามและกัมพูชา โดยที่นั่งผู้โดยสารจะอยู่ในลักษณะหันหลังชนกัน





























ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น